My sweet Geneva (6) เดินเล่นเรื่อยเปื่อยในเจนีวา

Jet d' Eau
Beautiful Jet d’ Eau

หลังจากไปปาร์ตี้เก็บเชอร์รี่ และกลับบ้านกันมาด้วยความอบอุ่นหัวใจในมิตรภาพ และอาหารแสนอร่อยของเจ้าของบ้านที่มีน้ำใจต้อนรับพวกเราจนเกือบถึงตีสาม นี่ถ้าอากาศไม่เย็นลงอย่างรวดเร็ว ก็คงได้นั่งคุยกันต่อจนถึงสว่างแน่นอนค่ะ เพราะในขณะที่กำลังคุยกันอย่างออกรสนั้นจู่ๆก็รู้สึกว่าอากาศเย็นวูบลงแบบเร็วมาก ขนาดเจ้าของบ้านเอาผ้าห่มมาแจกก็ยังเอาไม่อยู่ เรียกว่าหนาวจนปากสั่นคางกระทบกันไปหมดทุกคน เลยต้องขอตัวกลับกันอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ เรียกว่ามาถึงบ้านเอาประมาณตีสามครึ่ง แล้วก็รีบมุดเข้าใต้ผ้าห่ม นอนหลับสนิทไปจนถึงเช้าเลยค่ะ

และเราก็ตื่นนอนกันอย่างสดใส แถมยังอิ่มกับเชอร์รี่สดฉ่ำของเมื่อวานกันอยู่ ก็เลยถือโอกาสทานบรันช์กันแบบง่ายๆที่บ้านซะเลย เพื่อเตรียมพร้อมจะออกไปท่องเจนีวาตอนกลางวันกันค่ะ วันนี้เป็นวันเสาร์อากาศสดใส และอบอุ่นกว่าทุกวัน อากาศประมาณ 24-25 ºC ผิดกับเมื่อคืนที่หนาวงั่กจนแทบทนไม่ไหว เหมาะมากที่จะเดินเล่นในเจนีวา หาอาหารอร่อยๆทาน และเยี่ยมเยียนถิ่นการูจ Carouge ที่สวยที่สุดในเจนีวากัน

พอคิดได้อย่างนี้แล้ว ก็เดินออกมาขึ้นรถไฟไป Cornavin กันดีกว่า แค่สองสถานีก็ถึงแล้ว คุณผู้อ่านคงสงสัยอีกแน่ว่า Cornavin (คอร์นาแวง) นี่มันคืออะไร ง่ายๆ Cornavin ก็เปรียบเสมือนหัวลำโพงของเจนีวาล่ะค่ะ อยู่ใจกลางเมืองพอดี อยากจะไปไหนต่อไหนในเจนีวา หรือจะไปเที่ยวเมืองอื่นก็ต้องมาตั้งหลักที่ Cornavin ก่อน จะมาดูทะเลสาบ ซื่อนาฬิกาโรเล็กซ์ หรือปาเต็ก ฟิลิป หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ในเจนีวา ก็ต้องมาลงที่่นี่ด้วยกันท้ังนั้น

พอโผล่ออกมาจาก Cornavin ก็เจอหนุ่มคนนี้ต้อนรับอยู่เลย 😉

Place Cornavin
Place Cornavin

จากนั้นก็เป็นความคึกคักอันแสนไฮโซของนครเจนีวา ที่เต็มไปด้วยธนาคาร และ Watch boutique หรูๆอย่าง Rolex หรือ Patek Philippe ก็มีให้ดูไม่หวาดไม่ไหวค่ะ แต่ฉันคิดว่าควรเริ่มด้วยการเดินเลียบทะเลสาบก่อนดีกว่า ไปทักทายหงส์ประจำเมืองกันซักหน่อย ที่ไม่ว่าใครก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ^^

Swans in Lake Geneva
Swans in Lake Geneva

เดินเลยมาหน่อยก็เป็นโบสถ์ Holy Trinity Church ของเจนีวา

Holy Trinity Church of Geneva
Holy Trinity Church of Geneva

จากนั้นก็เดินลึกเข้ามาถึงแหล่งช็อปปิ้งของเมือง

ข้างหลังนี้เป็นธนาคารทั้งนั้น รวยมากค่ะเมืองนี้
ข้างหลังนี้เป็นธนาคารทั้งนั้น ร่ำรวยมากค่ะเมืองนี้
Fetes-de-Geneve
Fetes-de-Geneve

ถ่ายกับป้าย Fetes-de-Geneve ที่เป็นเหมือนงานวัด และงานรื่นเริงที่ใหญ่ และน่ารักที่สุดของเจนีวา เสียดายที่กลับก่อน เลยไม่ได้สัมผัส แต่ผู้ร่วมทางคนสำคัญยังอยู่ต่อ เลยส่งรูปมาให้ดูแทน จะอยู่ในบล็อกตอนท้ายๆนะคะ เป็นมุมน่ารักๆของเจนีวาที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ คอยติดตามอ่านกันนะคะ 😉

และนี่เลยค่ะ Patek Phillipe Museum อยู่ในร้าน Patek Phillipe ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างๆ Rolex โดยมีบูติคของ Chanel คั่นตรงกลาง แต่ว่าไม่ได้เข้าไป เพราะไม่มีปัญญาจะซื้อ ก็เลยไม่รู้จะเข้าไปเกะกะเสียเวลาเค้าทำไม ไว้ให้ร่ำรวยอู้ฟู่กว่านี้ก่อน รับรองว่าไม่พลาดแน่ค่ะ 😀 (เครดิตภาพจากกูเกิลค่ะ)

Patek Phillipe Museum
Patek Phillipe Museum

เดินๆไปชักเริ่มร้อน แดดเปรี้ยงเลยค่ะ ขนาดหาที่นั่งพักทานขนม (ซึ่งแพงมหาโหด) ก็แลัว ก็ยังไม่ดีขึ้น กะว่าจะล่องเรือท่องเลคเจนีวาก็คิวยาวเหยียด แถมไม่มีที่ขายตั๋วด้วย แดดร้อนมากๆเลยค่ะ แสบต้นคอไปหมด โชคดีตอนเดินเข้าไปซื้อตั๋วลงเรือ เจอรถไฟเที่ยวชมเมืองพอดี เหมือนพระมาโปรดมาก จะให้ลากสังขารเดินขึ้นไปดู Geneva Old Town คงเป็นลมกันทั้งสองคนแน่ๆ ว่าแล้วก็ขึ้นรถไฟชมเมืองซะเลย 😉

IMG_1395รถไฟที่ให้บริการเที่ยวชมเมืองนี้ดีมากๆเลยค่ะ ใช้เวลาราวๆ 45 นาทีขับชมทั่วเมือง โดยเลยขึ้นไปถึงส่วนที่เป็น Geneva Old Town ด้วย โดยตลอดทางก็จะเปิดเทปแนะนำสถานที่ต่างๆให้เราทราบตลอด ซึ่งเป็นประโยชน์มากค่ะ ทำให้ทราบข้อมูลที่สำคัญของเมือง รู้สึกเลยว่าเจนีวาเป็นเมืองที่ไฮโซและ Intellectual มากๆ เพราะเป็นแหล่งรวมของนักปราชญ์ และนักคิดคนสำคัญของโลก จริงๆมีเยอะมาก จำไม่หวาดไม่ไหว แต่ที่เรารู้จักกันดีก็ Jean-Jacques Rousseau, John Calvin และ Henry (Henri) Dunant (คนนี้คนไทยรู้จักกันดี เพราะมีถนนชื่อนี้ด้วย^^) แต่ข้อเสียของการนั่งรถไฟชมเมืองแบบนี้ก็คือ เค้าจะจอดให้เราถ่ายรูป แต่ไม่อนุญาตให้เราลงจากรถมาถ่าย ทำให้บางทีได้ภาพบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่ค่อยได้มุมสวยเท่าไหร่ อย่าง Cathedral of St. Pierre ที่อยู่บนเขา ก็แค่จอดเฉยๆ ฉันเลยถ่ายได้แค่หน้าโบสถ์ ซึ่งบอกอะไรไม่ได้เลย เสียดายมากๆเลยค่ะ ส่วนที่เป็น Statue ของ Jean-Jacques Rousseau ก็เหมือนกัน พี่คนขับแกเห็นคนมุงดูเต็ม เลยขับผ่านไปเฉยเลย บอกไม่มีที่จอด เราเลยไม่ได้ถ่ายรูป เสียดายเหมือนกันค่ะ บางรูปเลยต้องพึ่งกูเกิลแทนลองชมดูนะคะ

Grand Theatre de Geneve
Grand Theatre de Geneve งดงามอลังการมากค่ะ
Geneva Old Town
Geneva Old Town
Geneva Old Town ซ้่ายมือจะเป็น Rosti Maison ทีีมีชื่อของเจนีวา
Geneva Old Town ซ้่ายมือจะเป็น Rosti Maison ที่มีชื่อของเจนีวา

ขึ้นเขาเพื่อมาชม Cathedral of St. Pierre ใน Geneva Old Town ที่อยู่จุดสูงสุดของเจนีวา

Cathedral of St. Pierre
Cathedral of St. Pierre

ต่อไปก็เป็น Roformation Wall ของ University of Geneva ในสวน Parc des Bastions ซึ่งเป็นสวนที่ร่มรื่นสวยงามมาก ภายในมีตึกเรียนตั้งอยู่กระจัดกระจายบรรยากาศเอื้อต่อการศึกษามากค่ะ โดย University of Geneva จะมีแคมปัสอยู่ใน Old Town ด้วย ดูขลัง และน่าเรียนมากค่ะ ส่วนกำแพงนี้จะมีรูปปั้นนูนของนักปราชญ๋ 4 ท่่านเรียงจากซ้ายมาขวาอันได้แก่ William Farel, John Calvin (ผู้นำคริสตศาสนานิกายคาลวินที่เรารู้จักกันดี), Theodore Beza และ John Knox

Reformation Wall, University of Geneva
Reformation Wall, University of Geneva

และนี่ก็คือรูปปั้นของ Henri Dunant นักธุรกิจชาวเจนีวาผู้ก่อตั้งสภากาชาดสากลที่คนไทย และทุกคนรู้จักกันดีค่ะ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามโลก ทำให้ชื่นชม และซาบซึ้งกับคุโณปการณ์ของกาชาดสากลที่มีต่อมนุษยชาติมาก พอรู้ว่าอองรี ดูนังต์ เป็นชาวเจนีวา ก็ยิ่งรัก และปลิ้มเจนีวาเข้าไปใหญ่ เห็นแล้วน้ำตารื้นเลยค่ะ อินกับรูปปั้นชิ้นนี้มาก 😀

Henri Dunant
Henri Dunant

และรูปปั้น Jean-Jacques Rousseau สุดฮิตที่ฉันไม่มีโอกาสได้ถ่าย เลยต้องขอยืมจากกูเกิลเอา ^^

Jean-Jacques Rousseau
Jean-Jacques Rousseau

อีกซักหน่อยกับร้านรองเท้าร้านโปรด (ที่ Rue du Rhone 17 – shopping street ของเจนีวาที่มีแต่ห้างสุดหรู) ขณะกำลังลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ ก็ได้แต่นั่งรถไฟผ่าน ไม่ทันได้เข้าไปละลายทรัพย์ในนั้น (ร้านนี้หันหลังชนกันกับ Jimmy Choo พอดี เลยรู้สึกดีใจเล็กๆที่รถไฟไม่ยอมจอดให้ช้อป ไม่งั้นอาจเป็นหนึ้บัตรเครดิตบาน ;))

Christian Louboutin boutique in Geneva
Christian Louboutin boutique in Geneva

ปิดท้ายกันด้วยต้นกำเนิดของแม่น้ำ Rhone ฉันไม่เคยรู้เลยว่า แม่น้ำ Rhone ที่ไหลไปทั่วยุโรป มีต้นกำเนิดจากนครเจนีวาแสนสวยของเรานี่เอง ซึ่งก็แน่นอนว่าต้นน้ำย่อมมาจากเลค เจนีวาที่อยู่ข้างหลังนั่นเอง 😉

แม่น้ำ Rhone ในเจนีวา
แม่น้ำ Rhone ในเจนีวา

ตอนแรกกะจะเขียนถึง Rosti เจ้าอร่อยใน Geneva Old Town แต่เมื่อดูความยาวเนื้อหา และรูปแล้วคงต้องยกยอดไปอัพบล็อกคราวหน้าแล้วค่ะ โดยก่อนที่จะไปท่องย่านการูจ ขอคั่นด้วย Rosti กับ ฟองดูว์เจ้าอร่อยของเจนีวา และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ Jet d’ Eau ก่อน

แล้วติดตามนะคะ 🙂

My sweet Geneva (5) – ไปเก็บเชอร์รี่ และทาน Aioli แสนอร่อยที่เมือง Dully

Cherry tree
Cherry tree

หลังจากชื่นชมความงามของเลค เจนีวาในยามค่ำคืนกันมาแล้ว แถมยังอิ่มไม่หายกับเหล่าบรรดาพาสต้าแสนอร่อย (และอืดมากๆ) จากอาหารเย็นเมื่อวาน วันนี้เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะเที่ยวกันแบบชิลล์ๆ นอนตื่นสาย นั่งเล่นนอนเล่นอ่านหนังสือกันที่บัานซักวัน แล้วพอบ่ายแก่ๆ ก็รอเพื่อนของคนสำคัญมารับไปงานปาร์ตี้เก็บเชอร์รี่กัน เรื่องเก็บเชอร์รี่นี่ตอนแรกนึกว่าพูดเล่นนะคะ แต่ปรากฎว่าเป็นเรื่องจริง คนที่นี่เค้าจัดปาร์ตี้เก็บเชอร์รี่กันจริงๆ เพราะตอนที่ไปเที่ยวนั้นเป็นหน้าเชอร์รี่ แข่งกันออกเต็มต้นเลยค่ะ แล้วแต่ละลูกก็โต อวบ หวาน อร่อย ชุ่มฉ่ำทั้งนั้น เรียกว่าเก็บกินจากต้นได้เลย ไม่ต้องเสียเวลามานั่งล้างด่างทับทิมให้วุ่นวาย เพราะบ้านเมืองเค้าสะอาด และที่สำคัญไม่ฉีดยาฆ่าแมลงด้วยค่ะ 😉

โดยเมืองที่เราจะไปเก็บเชอร์รี่กันนั้นคือเมือง Dully ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆอยู่ห่างจากเจนีวาประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจะต้องผ่าน Nyon มาก่อน แล้วค่อยถึง Dully เมืองเป้าหมายของเรา โดยระหว่างทางนั่งรถมาก็แสนสุขใจค่ะ เพราะขับรถเลียบเลค เจนีวามาตลอด บ้านเมืองเค้าก็สวย น่ารักเหมือนเคย โดยทางขวาก็จะเห็นวิวทะเลสาบ ส่วนทางซ้ายมือก็เป็นบ้านเรือนสวยงาม บางทีก็เป็นไร่องุ่นพร้อมชาโตว์สวยอลังการมากค่ะ

Lac Leman in Nyon
Lac Leman in Nyon

เป็นไงคะ สวยมั้ยคะ เลคเจนีวาที่เมืองนียง สวย สะอาด สดชื่น สบายตาไปหมดเหมือนเคยนะคะ แต่น่าเสียดายที่ถ่ายจากในรถ เลยไม่ค่อยชัด ของจริงสวยกว่านี้อีกค่ะ ความที่กว่าจะรวมพลกันครบก็เลยเวลาไปมากโข เลยต้องรีบทำเวลากันหน่อย จะให้มาจอดรถเดินโอ้เอ้ชมเมืองกันอยู่คงจะไม่ทัน แอบเสียดายเหมือนกันค่ะ เพราะนียงดูเหมือนจะเป็นเมืองท่าเล็กๆ ดูสงบน่าอยู่ดีเหมือนกัน

ชาโตว์สวยงามข้างทาง
ชาโตว์สวยงามข้างทาง

ผ่านชาโตว์นี้มาอีกเพียงอึดใจเดียวก็ถึงบ้านเจ้าของปาร์ตี้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของคนสำคัญแล้วค่ะ เป็นคู่สามี ภรรยาทำงานอยู่องค์การสหประชาชาติ แต่ด้วยความเบื่อเจนีวา เลยย้ายมาอยู่เมืองเล็กๆด้วยกัน เช้าก็ขับรถเข้าเจนีวาไปทำงาน เย็นก็ขับรถกลับบ้าน ซึ่งแต่ละเที่ยวก็ใช้่เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่บรรยากาศ และค่าครองชีพน่าอยู่กว่ากันเยอะ 🙂 เจ้าของบัานจัดบ้านได้น่ารัก อบอุ่น และน่าอยู่สุดๆเลยค่ะ เห็นแค่สวนก็ปลื้มแล้ว ถ้าได้อยู่ในบ้านที่มีสวนสวยขนาดนี้ จะมีความสุขแค่ไหนก็ไม่รู้นะคะ แค่คิดก็ฝันหวานแล้ว 😉 เลยเอารูปมาให้ยลกันพอหอมปากหอมคอก็แล้วกัน 😀

เข้าประตูบ้านมาก็เจอต้นนี้บานรับอยู่เลย :)
เข้าประตูบ้านมาก็เจอต้นนี้บานยิ้มรับอยู่เลย 🙂
สวนดอกไม้ในบ้าน
สวนดอกไม้ในบ้าน
พุ่มกุหลาบแสนสวย
พุ่มกุหลาบแสนสวย
ชัดๆอีกซักมุม
ชัดๆอีกซักมุม
กระถางดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มของเจ้าของบ้านฝ่ายหญิง
กระถางดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มของเจ้าของบ้านฝ่ายหญิง
วิวทะเลสาบเจนีวา ฝั่งตรงข้ามคือเมืองเอเวียง
วิวทะเลสาบเจนีวา ฝั่งตรงข้ามคือเมืองเอเวียง ประเทศฝรั่งเศส

หลังจากเดืนเล่นชมความสวยงาม น่ารักของบ้านกับทักทายเจ้าของบ้านกันพอหอมปากหอมคอ พวกผู้ชายก็ยกโขยงไปนั่งคุยกันต่อริมสระว่ายน้ำเล็กๆของบ้าน ส่วนพวกผู้หญิงก็เข้าไปช่วยเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงจัดเตรียมอาหารในครัว แต่น่าเสียดายมาก เป็นเพราะนัดรวมพลกันไม่แน่ไม่นอน พวกเราเลยไม่ได้มีโอกาสเก็บเชอร์รี่กัน เพราะเจ้าของบ้านชิงเก็บกันไปก่อน ได้เชอร์รี่ชามเบ้อเริ่มหลายชามมาก เพราะเค้ากลัวว่าจะมืดซะก่อน เดี๋ยวจะมองไม่เห็น พวกเราเลยได้ทานเชอร์รี่จนอิ่มแปล้ไปตามๆกัน (ทานเยอะมากเลยค่ะ ไม่เคยทานเชอร์รี่เยอะขนาดนี้มาก่อน เรียกว่าทานจนตอนเช้าปวดท้่องเลย)

สำหรับอาหาร ก็เป็นอาหารง่ายๆสำหรับปาร์ตี้ล่ะค่ะ พวก Cold cuts ชีส ไวน์ คิช แต่ที่น่าสนใจคืออาหารอิหร่าน (เพราะเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงเป็นมาดามชาวอิหร่านที่สวยโดดเด่น เหมือนดารามาก) ทำด้วยข้าว ผัดกับเนื้อไก่ แต่ผัดและอบให้กรอบจนเหมือนข้าวตัง ไม่ทราบว่าทำยังไงเหมือนกัน คือด้านนอกจะกรอบท้ังแผ่นเหมือนข้าวตังชิ้นใหญ่ๆ แต่ด้านในกลับนุ่มเป็นข้าวสวย คลุกเนื้อไก่ ใส่เครื่องเทศอาหรับ หอมมากๆเลยค่ะ เสียดายมัวแต่คุย และวุ่นวายเสิร์ฟอาหารกัน เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้

แต่อีกจานที่อยากเขียนถึงก็คือ Smoked Salmon กับ Aioli ค่ะ โดย Aioli นี้เป็นฝีมือของเจ้าของบ้านฝ่ายชายซึ่งทำอร่อยเลิศเลอมาก ไม่เคยทาน Aioli ที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน ความที่ในกรุงเทพหา Aioli ทานไม่ค่อยจะได้ ประกอบกับชอบ Smoked Salmon เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉันเลยปักหลักนั่งหม่ำแต่ smoked salmon ราด Aioli อย่างปรีดิ์เปรมอยู่คนเดียว 😉

Aioli
Aioli

คุณผู้อ่านบางท่าน อาจสงสัยว่า Aioli ที่ว่ามันคืออะไร ง่ายๆเลยนะคะ Aioli (Garlic Mayonnaise) ก็คือมายองเนสรสกระเทียม โดยใส่ไข่แดง กระเทียม น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอกหน่อย ปรุงรส ตีให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้ Aioli แสนอร่อยแล้วค่ะ โดย aioli เป็นซ้อสที่นิยมทานกับอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่ โดยจะได้กลิ่นกระเทียมหอมอวลอยู่ในปาก ยิ่งทานกับ Smoked Salmon อร่อยที่สุดค่ะ ให้ดาวเต็มฟ้าเลย 😀

ไหนๆ ก็ไหนๆแล้วขอแถมสูตร Aioli ไว้ด้วยละกันค่ะ เผื่อคุณผู้อ่านท่านไหนสนใจจะลองทำดู เป็นของอร่อยที่ทำง่ายมากค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรที่ฉันชอบทำมากมาจาก NYTimes Cookbook ของ Craig Claiborne ปรมาจารย์ด้านอาหารคนโปรดของฉันเองค่ะ (ต้องยกสูตรนี้มาฝาก เพราะไม่ได้ถามสูตรเจ้าของบ้านมา กลัวเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงน้อยใจ) แต่ต้องขอเติมน้ำมะนาว (เลมอน) กับ Dijon Mustard ลงไปหน่อยเพื่อชูรส

Aioli (Garlic Mayonnaise) 

2 cups

2 to 4 garlic cloves, minced

2 egg yolks

1/2 teaspoon salt

Freshly ground pepper to taste 

2 cups olive oil 

1 teaspoon Dijon Mustard

1 teaspoon lemon juice

วิธีทำ

1.  ผสมไข่แดง มัสตาร์ด กระเทียมสับ เกลือ และพริกไทย ในชามผสม ใช้ตะกร้อ หรือเครื่องผสมตีให้เข้ากัน

2. หลังจากนั้น ค่อยๆเติมน้ำมันมะกอกลงไปทีละน้อยขณะตี พอส่วนผสมเริ่มข้นขึ้นก็ค่อยๆใส่น้ำมันมะกอกเพิ่มอย่างช้าๆ ขณะที่ใส่น้ำมันมะกอกอย่าหยุดตี ให้ทำไปพร้อมๆกัน จนส่วนผสมเป็นครีมแบบมายองเนส ในระหว่างนั้นให้เติมน้ำมะนาวลงไปเพื่อปรุงรส

3,  พอตีจนส่วนผสมเข้าที่แล้ว นำไปแช่เย็น พร้อมเสริฟ จริงๆควรจะข้นน้อยกว่ามายองเนสแบบขวด และถ้าข้นเกินไป อาจเติมน้ำเย็นได้บ้างเล็กน้อยค่ะ

แค่นี้ก็อร่อยได้ง่ายๆที่บ้านแล้ว หรือถ้าจะจัดปาร์ตี้ ลองทำ Aioli เลี้ยงแขกก็น่าประทับใจไม่น้อยเลยนะคะ

ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า ขอเก็บภาพสวยๆของไร่องุ่นตรงข้ามบ้านมาฝากค่ะ

ไร่องุ่นตรงข้ามบ้าน
ไร่องุ่นตรงข้ามบ้าน

อัพบล็อกคราวหน้า จะกลับไปเจนีวาใหม่ จะพาไปท่องย่าน Geneva Old Town และย่าน Carouge ที่สวยที่สุดในเจนีวากันค่ะ คอยติดตามกันนะคะ 😉

ขอบคุณค่ะ